วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2562

Teaching


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การ์ตูน วิทยาศาสตร์ ดุ๊กดิ๊ก bye


สรุปคลิปวิดีโอ เพื่อนครู : ขยะแปลงกาย

คุณครูเยาวนารถ เลาหบรรจง เป็นครูประจำชั้นอนุบาลปีที่ 1 โรงเรียนอนุบาลกระบี่                        เน้นพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์จิตใจ ด้านสังคม และด้านสติปัญญา ในการจัดประสบการณ์คุณครูเยาวนารถเน้นให้เด็กได้ลงมือกระทำด้วยตนเองและคุณครูได้ใช้กิจกรรมแปลงกายโดยการบูรณาการคณิตศาสตร์ ด้านจำนวน ด้านรูปทรงเข้ากับวิทยาศาสตร์โดยการให้เด็กสังเกตเปรียบเทียบจำแนกและที่สำคัญคุณครูเน้นเทคโนโลยี หลังจากนั้นคุณครูให้เด็กๆดูของบนโต๊ะที่คุณครูเตรียมมา คือ วัสดุเหลือใช้ หลังจากนั้นคุณครูถามเด็กว่า วัสดุเหลือใช้นำไปทำอะไรได้บ้าง เด็กก็จะยกมือตอบทีละคนและคุณครูก็ให้เด็กๆลงมือประดิษฐ์ของเล่นของใช้ตามจินตนาการของเด็ก เมื่อผ่านกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเองทำให้เด็ก มีความกล้าแสดงออก มีความเชื่อมั่นในตัวเองกล้านำเสนอในสิ่งที่ตนเองคิด สามารถเป็นผู้นำผู้ตามได้ดี ควรจัดกิจกรรมให้เด็กได้เรียนรู้ตามธรรมชาติของเด็กให้เด็กได้ลงมือกระทำและที่สำคัญต้องส่งเสริมพัฒนาการให้ครบทั้ง 4 ด้าน


⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐

Article


สรุปบทความ

การสอนลูกเรื่องไฟฉาย (Teaching Children about Flashlight) คือ การจัดกิจกรรมให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับ เครื่องทำความสว่างประกอบด้วยอุปกรณ์ เพราะการจัดสิ่งแวดล้อมที่ดีเป็นเรื่องจำเป็นในการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้เจริญเติบโตเป็นเด็กที่มีคุณภาพ เป็นผู้ที่พัฒนาทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคมและสติปัญญาได้อย่างเหมาะสมตามวัย ทั้งนี้เพราะความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี เป็นเครื่องอำนวยความสะดวกให้แก่คนเราแล้ว คนเรายังมีความต้องการเครื่องใช้ที่ทำให้เกิดการดำรงชีวิตสะดวกสบาย มีผลให้เกิดมีเครื่องใช้ที่จำเป็นและอำนวยความสะดวกสบายให้แก่เรา ดังนั้น การสร้างความรู้ ความเข้าใจ และวิธีใช้เครื่องเทคโนโลยีบางชนิดให้แก่เด็กปฐมวัยจึงเป็นเรื่องจำเป็น
การสอนเรื่องไฟฉายมีประโยชน์ต่อเด็ก คือ
เด็กได้มีโอกาสสืบเสาะหาความรู้เรื่องไฟฉาย ได้แก่ แสงฉายมาจากไหน ทำไมคนเราต้องใช้แสงฉาย เมื่อได้ความรู้มาแล้ว เด็กจะได้ฝึกหัดอธิบายเรื่องที่ศึกษามา สำหรับเด็กปฐมวัยควรฝึกด้วยวิธีง่ายๆจากธรรมชาติเบื้องต้นก่อน คือ การพูด บอกเล่าสิ่งได้เห็น ได้ฟัง ได้สัมผัสมา เป็นต้น
·         เด็กได้ทำการทดลองใช้ไฟฉาย เช่น เปิดสวิทซ์ไฟที่กระบอกไฟ ส่องแสงไฟฉายในที่มืดจะเกิดอะไรขึ้น เป็นต้น การที่เด็กได้เป็นผู้ปฏิบัติทดลองสิ่งต่างๆด้วยตนเอง ย่อมทำให้เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสเพื่อเกิดการเรียนรู้
·         เด็กได้ใช้เครื่องมือเทคโนโลยีคือไฟฉายและวิธีการต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการสำรวจตรวจสอบ จะทำให้เด็กเห็นคุณค่าของเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่จะปลูกฝังทัศนคติที่ดีต่อการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆต่อไป
·         เด็กจะเป็นผู้ที่มีความสามรถในการอธิบายสิ่งที่ค้นพบตามข้อมูลหลักฐานและองค์ความรู้อย่างมีเหตุผล เนื่องจากเด็กได้รับประสบการณ์ตรงจากการกระทำในสภาพจริง เช่น การใช้ไฟฉายส่องผ่านในที่มืดจะเห็นวัตถุต่างๆ เพราะมีแสงจากไฟฉาย หรือแสงที่ส่องออกไปเดินทางเป็นเส้นตรง แสงจากไฟฉายมีระดับความร้อนแตกต่างจากแสงดวงอาทิตย์ แสงไฟฉายต้องอาศัยวัตถุที่บรรจุลงในกระบอกไฟฉายจึงจะเกิดแสง เป็นต้น
·         เด็กจะเป็นผู้มีความสามารถในการนำเสนอสิ่งที่เรียนรู้ได้อย่างชัดเจนเที่ยงตรง มีเหตุผลกับเพื่อนร่วมงาน และตอบคำถามได้ เนื่องจากได้รับการฝึกทักษะทางวิทยาศาสตร์ โดยมีเรื่องไฟฉายเป็นสาระนำทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ได้แก่
          ทักษะสังเกต (แสงเดินทางเป็นเส้นตรง แสงจากไฟฉายมีสีเหลืองอ่อน แสงไฟฉายจะสว่างหรือดับ เกิดจากคนเราเป็นผู้ กระทำบังคับสวิทช์ เปิดปิดเอง เป็นต้น)
          ทักษะจำแนกประเภท (จัดกลุ่มไฟฉายตามขนาดใหญ่ เล็ก สี รูปแบบ ฯ)
          ทักษะการวัด (วัดความยาวของกระบอกไฟฉาย นับจำนวนถ่านไฟฉาย)
          ทักษะการสื่อความหมาย (อธิบายเหตุที่เกิดแสง วาดภาพไฟฉาย และลักษณะของลำแสง)

Research


สรุปวิจัย

เรื่อง การพัฒนาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตรของเด็กปฐมวัย โดย ใชกิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดแบบฝกทักษะ

ความมุงหมายของการวิจัย
1. เพื่อศึกษาระดับทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยโดยรวมและจําแนกรายทักษะ หลังการใช้กิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดแบบฝกทักษะ
2. เพื่อเปรียบเทียบการพัฒนาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยกอนและหลังการใชกิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดแบบฝึกทักษะ
สมมติฐานในการวิจัย
เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดแบบฝกทักษะมีการพัฒนาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ก่อนและหลังการทดลองแตกตางกัน

วิธีดําเนินการวิจัย
1       การกําหนดกลุมตัวอย่าง
กลุมตัวอยางที่ใชในการวิจัย คือ นักเรียนชาย - หญิงที่มีอายุระหวาง 4 - 5 ป ซึ่ง กําลังศึกษาอยูชั้นอนุบาลศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2550 โรงเรียนอนุบาลธนินทร เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เขตพื้นที่การศึกษา 2 ไดมาจากการสุมอยางงาย โดยการจับสลาก เลือกจํานวน 1 หองเรียน จากจํานวน 2 หองเรียน และผูวิจัยสุมนักเรียนเขากลุมทดลอง จํานวน 15 คน
เครื่องมือที่ใชในการวิจัย
1.ชุดแบบฝึกทักษะวิทยาศาสตรโดยใชสมองเปนฐานการเรียนรู (Brain - Based Learning) ของ รศ.ดร.กุลยา ตันติผลาชีวะ
2.แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูวิทยาศาสตรสาระตามชุดแบบฝึกทักษะ
3.แบบประเมินทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร

ขั้นตอนในการศึกษาคนควา
1.ขอความรวมมือกับผูบริหารโรงเรียนในการทําวิจัย
2.ชี้แจงใหครูประจำชั้นทราบรูปแบบงานวิจัย และขอความรวมมือในการดําเนินการวิจัย 
3.สรางความคุนเคยกับเด็กกลุมตัวอย่างเป็นระยะเวลา 3 สัปดาห
4.กอนทําการทดลอง ผูวิจัยทําการประเมินทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย โดยใชแบบประเมินทักษะกระบวนการวิทยาศาสตรสําหรับเด็กปฐมวัย
5.ดําเนินการทดลองโดยใชกิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดแบบฝกทักษะระหวาง วันที่ 18 มิถุนายน 2550 ถึงวันที่ 10 สิงหาคม  2550 ใชเวลาในการทดลอง 8 สัปดาหสัปดาหละ 3 วัน ไดแก วันจันทร วันพุธ และวันศุกรวันละ 30 นาที ในชวงกิจกรรมเสริมประสบการณเวลา 09.00 - 09.30 น. รวมทั้งสิ้น 24 ครั้ง
6.เมื่อสิ้นสุดการทดลองผูวิจัยทําการประเมินทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยหลังการใชกิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดแบบฝกทักษะ โดยใชแบบประเมินทักษะ กระบวนการวิทยาศาสตรสําหรับเด็กปฐมวัย ซึ่งเปนแบบประเมินชุดเดียวกับที่ใช้ประเมินกอนการทดลองและนาคะแนนที่ได้จากการประเมินไปทําการวิเคราะห์ขอมูลทางสถิติิตอไป

 การวิเคราะหขอมูล ผูวิจัยดําเนินการวิเคราะห์ข้อมูลตามลําดับ ดังนี้
1.หาคาสถิติพื้นฐานแสดงคะแนนเฉลี่ยและความเบี่ยงเบนมาตรฐาน
2.เปรียบเทียบการพัฒนาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตรของเด็กปฐมวัยกอนและหลังการใชกิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดแบบฝึกทักษะ โดยใช t - test แบบ Dependent

 การศึกษาคนควาครั้งนี้ เปนการศึกษาการพัฒนาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตรของ เด็กปฐมวัย โดยใชกิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดแบบฝกทักษะของเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลปที่ 2 โรงเรียนอนุบาลธนินทร เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เขตพื้นที่การศึกษา 2
ตามภาพรวม เมื่อดูผลการวิเคราะหขอมูลภายในกลุมทดลองที่ใชกิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดแบบ ฝกทักษะวิทยาศาสตรพบวาเด็กปฐมวัยมีการพัฒนาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตรสูงขึ้นกวากอน การทดลอง สามารถอภิปรายไดดังนี้
1.เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดแบบฝกทักษะหลังการทดลองมีการพัฒนาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตรแตกตางจากกอนการทดลอง
1.1แบบฝกทักษะวิทยาศาสตรที่นํามาใชเนนสมองเปนฐานการเรียนรู(Brain-Based Learning) ในการจัดกิจกรรมการเรียนรูดังกลาว เปนกิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดแบบฝกทักษะวทยาศาสตร์ที่่เปดโอกาสใหนักเรียนไดฝกปฏิบัติดวยตนเอง จากกิจกรรมทําใหเด็กสังเกต และเรียนรูมโนทัศนของแมลงซึ่งการเรียนการสอนแบบนี้สอดคลองกับการเรียนรู้ที่จัดใหเด็กไดลงมือ กระทําไดคิดและหาคําตอบในการกระทํากิจกรรมการเรียนรูแตละกิจกรรมการคนควาหาความรูของเด็กนั้น เด็กไดเรียนรูจาก ประสบการณ์ตรงโดยการใช้ประสาทสัมผัสเขาไปสังเกตสื่อและอุปกรณตางๆและสิ่งที่คนพบจากการเรียนรูใหผูอื่นเขาใจไดผูเรียนจึงมีความสนใจใฝ่เรียนรู จากแหลงการเรียนรูนอกสถานที่ทําใหสามารถนําขอมูลที่ไดจากการสังเกตมาสนทนา พูดคุย อธิบายใหผูอื่นเขาใจไดงายและยิ่งไปกวานั้นเด็กสามารถสื่อความหมายโดยการทําชุดแบบฝกทักษะวิทยาศาสตร์
     การจัดกิจกรรมการเรียนรู จะกระตุ้นใหเด็กแสดงออกอยางอิสระ ในการจัดกิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดแบบฝกทักษะนี้ เด็กไดมีโอกาสนําเสนอผลงานจากความคิดของตนเองอย่างอิสระจึงสงผลใหผูเรียนเกิดทักษะกระบวนการเรียนรูดวยตนเอง เด็กไดเรียนรูจากการทบทวนบทเรียน โดยการทําชุดแบบฝกทักษะวิทยาศาสตรที่เนนสมองเปนฐานการเรียนรู (Brain - Based Learning) เพื่อฝก ใหเด็กไดเตรียมความพรอมดานสติปญญา และทักษะตางๆ มีรูปแบบ วิธีการ ที่มีแบบแผน กฎเกณฑ โดยมีคําสั่งของแตละกิจกรรมตามเนื้อหาจุดประสงคของแบบฝกแต่ละเลม เด็กไดใช้ความคิดทั้งทางดาน เหตุผล และในเชิงจินตนาการอยางสรางสรรค การจัดกิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดแบบฝกทักษะ วิทยาศาสตรที่เนนสมองเปนฐานการเรียนรู (Brain - Based Learning) ซึ่งแตละแบบฝึกจะเปิดโอกาสใหผูเรียนใชพลังสมองทั้งซีกซายและซีกขวาไปพรอมกัน จนเกิดเปนความรูความเขาใจตาม
1.2 แบบฝกสามารถถายทอดใหเด็กนำเสนอผลงานได้ซึ่งการที่เด็กไดนําเสนอผลงาน เปนการแสดงความคิดเห็นและการนําเสนอผลงานที่เปนสวนสําคัญของการจัดกิจกรรมการเรียนรูซึ่ง ผูวิจัยใช้เทคนิควิธีการสอนอยางหลากหลายเพื่อกระตุ้นใหเด็กแสดงออกซึ่งความคิดของตนเอง โดย ใชภาษาบรรยายออกมา ทําใหเด็กสามารถตรวจสอบความคิดเห็นของตนเองและผูอื่นได ในการจัด กิจกรรมการเรียนรูไปนอกสถานที่เปนวิธีอันหนึ่งที่ชวยผลักดันใหเขามาเกี่ยวพันกับสิ่งแวดลอม เด็กในวัยอนุบาลตองการได้พบเห็นสิ่งใหม่ๆ เสียงและกลิ่นใหม่ๆ

ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย หลังการทดลองมีคาเฉลี่ยคะแนนสูงขึ้น ทุกทักษะ อยูในระดับดีมาก 3 ทักษะ คือ ทักษะการสังเกต ทักษะการสื่อสาร ทักษะการลงความเห็น และอยูในระดับดี 1 ทักษะ คือทักษะการจําแนกประเภท
    1.1 การสังเกต ในการจัดกิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดแบบฝกทักษะนั้นเปนลักษณะของการจัดกิจกรรมที่เปดโอกาสใหเด็กได้ศึกษาค้นควาความรูด้วยตนเองเด็กเกิดกระบวนการถ่ายโยงความรู เนื่องจากเด็กเปนผูลงมือกระทําดวยการดู การสัมผัส การชิมรส  การฟงเสียง และการดม จากสื่ออุปกรณที่ครูเตรียมไวและสิ่งที่แวดลอมที่อยูรอบตัว ซึ่งเปนการเรียนรูจากสิ่งใกลตัว และสิ่งที่เด็กคุนเคยสูการ เรียนรูสิ่งไกลตัวตามลําดับ เปนการดําเนินการเรียนจากสิ่งที่งายไปสูสิ่งที่ยากขึ้นตาม ลําดับ เพื่อให เด็กไดมีโอกาสคนควาหาความรูดวยตนเอง
   1.2 การจําแนกประเภท ลักษณะการใชกิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดแบบฝกทักษะมุงใหเด็กเกิดการเรียนรูจากการลงมือกระทําสืบคนหาความรูดวยตนเองโดยการเชื่อมโยงจาก ประสบการณ์เดิมประสานกับประสบการณใหมความรูอย่างตอเนื่องดวยการจําแนกเปรียบเทียบ ความเหมือน ความแตกตาง รวมกับการสังเกตอย่างถี่ถ้วนรอบคอบซึ่งเปนการสอนทักษะการจําแนก ประเภทใหแก่เด็กปฐมวัยและเปนการกําหนดเกณฑเพื่อการเปรียบเทียบตามคุณสมบัติของสิ่งตางๆ รอบตัวอย่างง่าย ดวยตัวเด็กเองหรือจากการทํากิจกรรมกลุม เพื่อการจัดระบบและจัดหมวดหมู ของการสรางความรูใหมและนําไปใช้ในชีวิตประจําวันได้
    1.3 การสื่อสาร เปนทักษะที่มีความสําคัญตอการเรียนรูและใชในการดําเนินชีวิตของโลกยุคปจจุบัน เพราะการสื่อสารจะทำใหผูสงและผูรับข้อมูลเกิดความเขาใจตรงกันอยางชัดเจน ถูกตอง และรวดเร็ว ดังนั้นการพัฒนาทักษะการสื่อสารจึงจําเปนตองเริ่มตนตั้งแต่เด็กปฐมวัย การสื่อสาร ของเด็กจะสมบูรณได เด็กตองใชการสังเกต การจําแนกประเภทร่วมดวย เนื่องจากการจัดกิจกรรม การเรียนรูประกอบชุดแบบฝกทักษะไดเนนถึงการแสดงออกและการเรียนรูแบบร่วมมือ ซึ่งเด็กจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน จากแบบฝึกทักษะที่เนนสมองเปนฐานการเรียนรู (Brain - Based Learning)
  1.4 การลงความเห็น ลักษณะการใชกิจกรรมการเรียนรูประกอบชุดแบบฝึกทักษะเปน การจัดการเรียนรูทั้งรายบุคคลและรายกลุม เด็กทุกคนตองรวมกันคิดและช่วยเหลือกันในการเรียนรู กลาวคือเด็กแตละคนตองไดเรียนรูจากเพื่อน ครู จากสื่อ - อุปกรณที่ครูเตรียมไวให เพื่อที่จะนำขอมูลที่ไดมาผนวกกับความรูและประสบการณเดิม ซึ่งเด็กจะไดสรุปเปนความรูใหมขึ้นมารวมกัน ตามมโนทัศน์ของการเรียนรูในแตละวัน เนื่องจากเด็กแตละคนตางมีประสบการณ์เดิมที่แตกตางกัน


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง





วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2562

Teaching techniques


สรุปเทคนิคการสอนวิทยาศาสตร์



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การ์ตูน วิทยาศาสตร์ ดุ๊กดิ๊ก bye



(14th Learning Record) วันศุกร์ ที่ 22 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2562

วันนี้มีการนำเสนอของเล่น(งานเดี่ยว) ที่บางคนยังไม่ผ่าน







จากนั้นก็นำเสนองานกลุ่มเรื่องที่แต่ละกลุ่มได้ 





กลุ่มของพวกเราได้เรื่องเสียง "ทำกลองชุดและกีตาร์"






วิธีการทำเพิ่มเติม

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ลูกศรชี้ลง




🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀



รูปภาพที่เกี่ยวข้อง


คำศัพท์น่ารู้

1.method  วิธีการ
2.repair  การซ่อมแซม
3.reuse  การนำกลับมาใช้ใหม่
4.change เปลี่ยน
5.challenge ท้าทาย


ประเมินตนเอง ⟶ วันนี้เตรียมพร้อมในการนำเสนอของเล่นแบบกลุ่ม
ประเมินเพื่อน ⟶ วันนี้มีเพื่อนๆนำเสนองานกลุ่มได้ดีมาก
ประเมินอาจารย์ ⟶ วันนี้อาจารย์ได้สรุปเนื้อหาทั้งหมดที่เรียนในรายวิชานี้ อาจารย์น่ารักมากๆ



วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

(13th Learning Record) วันศุกร์ ที่ 8 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2562

วันนี้มีการนำเสนองานของเล่นวิทยาศาสตร์(งานเดี่ยว)





อุปกรณ์ในการทำ

1.ขวดน้ำ
2.ถ้วยกาแฟ
3.ถ้วยโยเกิร์ต
4.กรรไกร
5.คัตเตอร์
6.เทปกาว
7.ลูกโป่ง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ลูกศรชี้ลง




🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼


ภาพบรรยากาศในห้องเรียน




  


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง


คำศัพท์น่ารู้

1.problem-solving  การแก้ปัญหา
2.suggestion  คำแนะนำ
3.compliment  คำชม
4.issue ปัญหา
5.step ขั้นตอน


ประเมินตนเอง ⟶ วันนี้ไปเรียนแต่เช้า เตรียมพร้อมในการนำเสนอของเล่น
ประเมินเพื่อน ⟶ วันนี้มีเพื่อนๆนำเสนอของเล่นน่าสนใจมาก
ประเมินอาจารย์ ⟶ วันนี้อาจารย์ได้สรุปเนื้อหาระหว่างที่มีการนำเสนอของเล่น ทำให้เข้าใจเนื้อหาสาระง่ายขึ้น

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

(12th Learning Record) วันศุกร์ ที่ 1 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2562

วันนี้เพื่อนอีก 3 กลุ่ม ไปทำการทดลองวิทยาศาสตร์ที่ศูนย์เด็กปฐมวัยเสือใหญ่


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ภาพกิจกรรม




 กิจกรรมของเด็กๆ 




🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸


คำศัพท์น่ารู้

1.rainbow สีรุ้ง
2.animation  ภาพเคลื่อนไหว
3.toys  ของเล่น
4.warm อบอุ่น
5.exercise ออกกำลังกาย


ประเมินตนเอง ⟶ วันนี้ตื่นเต้นมากที่ได้ไปเจอเด็กๆอีก
ประเมินเพื่อน ⟶ วันนี้เพื่อนๆน่ารักทุกคนเลย เพราะทุกคนให้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรม
ประเมินอาจารย์ ⟶ วันนี้อาจารย์น่ารักมากช่วยดูแลอย่างใกล้ชิดในการทำกิจกรรมทั้ง 3 กิจกรรม

วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

(11th Learning Record) วันศุกร์ ที่ 25 เดือนตุลาคม พ.ศ.2562

วันนี้อาจารย์ให้จับกลุ่ม 5 คน เพื่อให้ทำแผนผังเกี่ยวกับการแผนการจัดประสบการณ์ในกิจกรรมการเสริมประสบการณ์ โดยการที่จะทำแผนต้องทำการศึกษาหลักสูตร และเนื้อหาสาระที่เด็กต้องเรียนรู้



สาระที่ควรเรียนรู้  สาระในส่วนนี้กำหนดเฉพาะหัวข้อไม่มีรายละเอียดทั้งนี้ เพื่อประสงค์จะให้ผู้สอนสามารถกำหนดรายละเอียดขึ้นเองให้สอดคล้องกับวัย ความต้องการ ความสนใจของเด็กอาจยืดหยุ่นเนื้อหาได้โดยคำนึงถึงประสบการณ์ และสิ่งแวดล้อมในชีวิตจริงของเด็ก ผู้สอนสามารถนำสาระที่ควรเรียนรู้มาบูรณาการ จัดประสบการณ์ต่างๆให้ง่ายต่อการ เรียนรู้  ทั้งนี้มิได้ประสงค์ให้เด็กท่องจำเนื้อหา  แต่ต้องการให้เด็กเกิดแนวคิดหลังจากนำสาระการเรียนรู้นั้นๆมาจัดประสบการณ์ให้เด็กเพื่อให้บรรลุจุดหมายที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ สาระที่ควรเรียนรู้ยังใช้เป็นแนวทางช่วยผู้สอนกำหนดรายละเอียดและความยากง่ายของเนื้อหาให้เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก สาระที่ควรเรียนรู้ประกอบด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก เรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก ธรรมชาติรอบตัว และสิ่งต่างๆรอบตัวเด็ก  ดังนี้
1) เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก
  เด็กควรรู้จักชื่อ นามสกุล รูปร่าง หน้าตาของตน รู้จักอวัยวะต่างๆ และวิธีระวังรักษาร่างกายให้สะอาด  ปลอดภัย  มีสุขอนามัยที่ดี เรียนรู้ที่จะเล่นและทำสิ่งต่างๆด้วยตนเองคนเดียวหรือกับผู้อื่น ตลอดจนเรียนรู้ที่จะแสดงความคิดเห็น ความรู้สึก และแสดงมารยาทที่ดี  ทั้งนี้ เมื่อเด็กมีโอกาสเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตนเองแล้ว  เด็กควรจะเกิดแนวคิดดังนี้
  • ฉันมีชื่อตั้งแต่เกิด ฉันมีเสียง รูปร่างหน้าตาไม่เหมือนใคร ฉันภูมิใจที่เป็นตัวฉันเอง เป็นคนไทยที่ดี มีมารยาท มีวินัย รู้จักแบ่งปัน ทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง  เช่น  แต่งตัว แปรงฟันรับประทานอาหาร ฯลฯ
  • ฉันมีอวัยวะต่าง ๆ เช่น ตา หู จมูก ปาก ขา มือ ผม นิ้วมือ นิ้วเท้า ฯลฯ และ ฉันรู้จักวิธีรักษาร่างกายให้สะอาด ปลอดภัย มีสุขภาพดี
  • ฉันต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์  ออกกำลังกาย และพักผ่อน เพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโต
  • ฉันเรียนรู้ข้อตกลงต่าง ๆ  รู้จักระมัดระวังรักษาความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่นเมื่อทำงาน เล่นคนเดียว และเล่นกับผู้อื่น
  • ฉันอาจรู้สึกดีใจ เสียใจ โกรธ เหนื่อย หรืออื่น ๆ แต่ฉันเรียนรู้ที่จะแสดงความรู้สึกในทางที่ดี และเมื่อฉันแสดงความคิดเห็น หรือทำสิ่งต่าง ๆด้วยความคิดของตนเอง  แสดงว่าฉันมีความคิดสร้างสรรค์ ความคิดของฉันเป็นสิ่งสำคัญ แต่คนอื่นก็มีความคิดที่ดีเหมือนฉันเช่นกัน
2) เรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก  เด็กควรได้มีโอกาสรู้จักและรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัว สถานศึกษา ชุมชน รวมทั้งบุคคลต่างๆที่เด็กต้องเกี่ยวข้อง  หรือมีโอกาสใกล้ชิดและมีปฏิสัมพันธ์ในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ เมื่อเด็กมีโอกาสเรียนรู้แล้วเด็กควรเกิดแนวคิด ดังนี้
  • ทุกคนในครอบครัวของฉันเป็นบุคคลสำคัญ ต้องการที่อยู่อาศัย  อาหาร  เสื้อผ้า  และยารักษาโรค  รวมทั้งต้องการความรัก  ความเอื้ออาทร  ช่วยดูแลซึ่งกันและกัน  ช่วยกันทำงานและปฏิบัติตามข้อตกลงภายในครอบครัว  ฉันต้องเคารพ เชื่อฟังพ่อแม่และผู้ใหญ่ในครอบครัว  ปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามกาลเทศะ  ครอบครัวของฉันมีวันสำคัญต่าง ๆ เช่น วันเกิดของบุคคลในครอบครัว วันทำบุญบ้าน ฯลฯ ฉันภูมิใจในครอบครัวของฉัน  
  • สถานศึกษาของฉันมีชื่อ  เป็นสถานที่ที่เด็กๆมาทำกิจกรรมร่วมกันและทำให้ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย สถานศึกษาของฉันมีคนอยู่ร่วมกันหลายคน ทุกคนมีหน้าที่รับผิดชอบ ปฏิบัติตามกฏระเบียบ ช่วยกันรักษาความสะอาดและทรัพย์สมบัติของสถานศึกษา  ส่วนครูรักฉันและเอาใจใส่ดูแลเด็กทุกคน  เวลาทำกิจกรรมฉันและเพื่อนจะช่วยกันคิด  ช่วยกันทำ  รับฟังความคิดเห็น  และรับรู้ความรู้สึกซึ่งกันและกัน
  • ท้องถิ่นของฉันมีสถานที่ บุคคล แหล่งวิทยากร แหล่งเรียนรู้ต่างๆที่สำคัญ คนในท้องถิ่นที่ฉันอาศัยอยู่มีอาชีพที่หลากหลาย เช่น ครู แพทย์ ทหาร ตำรวจชาวนา  ชาวสวน พ่อค้า แม่ค้า ฯลฯ ท้องถิ่นของฉันมีวันสำคัญของตนเอง ซึ่งจะมีการปฏิบัติกิจกรรมที่แตกต่างกันไป
  • ฉันเป็นคนไทย มีวันสำคัญของชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์  มีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีหลายอย่าง  ฉันและเพื่อนนับถือศาสนา หรือมีความเชื่อที่เหมือนกันหรือแตกต่างกันได้  ศาสนาทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี ฉันภูมิใจที่ฉันเป็นคนไทย
3)ธรรมชาติรอบตัว เด็กควรจะได้รู้จักสิ่งมีชีวิตที่เป็นต้นไม้ ดอกไม้ สัตว์ รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของโลกที่แวดล้อมเด็กตามธรรมชาติ เช่นฤดูกาล กลางวัน กลางคืน  ฯลฯ  แนวคิดที่ควรให้เกิดหลังจากเด็กเรียนรู้ธรรมชาติรอบตัว  มีดังนี้
  • ธรรมชาติรอบตัวฉันมีทั้งสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต สิ่งมีชีวิตต้องการอากาศ แสงแดด น้ำและอาหารเพื่อเจริญเติบโต สิ่งมีชีวิตสามารถปรับตัวให้เข้ากับลักษณะอากาศ ฤดูกาล และยังต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน สำหรับสิ่งไม่มีชีวิต เช่น น้ำ หิน ดิน ทราย ฯลฯ มีรูปร่าง สี ประโยชน์ และโทษต่างกัน
  • ลักษณะอากาศรอบตัวแต่ละวันอาจเหมือนหรือแตกต่างกันได้ บางครั้งฉันทายลักษณะอากาศได้จากสิ่งต่างๆ รอบตัว  เช่น เมฆ ท้องฟ้า ลม ฯลฯ  ในเวลากลางวันเป็นช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนดวงอาทิตย์ตก คนส่วนใหญ่จะตื่นและทำงาน ส่วนฉันไปโรงเรียนหรือเล่น เวลากลางคืนเป็นช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ตกจนดวงอาทิตย์ขึ้น ฉันและคนส่วนใหญ่จะนอนพักผ่อนตอนกลางคืน
  • สิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติรอบตัวฉัน เช่น ต้นไม้ สัตว์ น้ำ ดิน หิน ทราย อากาศ ฯลฯ  เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตต้องได้รับการอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้นรอบๆตัวฉัน เช่น บ้านอยู่อาศัย ถนนหนทาง สวนสาธารณะ สถานที่ต่าง ๆ ฯลฯ  เป็นสิ่งที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ทุกคนรวมทั้งฉันช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและรักษาสาธารณสมบัติโดยไม่ทำลายและบำรุงรักษาให้ดีขึ้นได้
4)สิ่งต่าง ๆ รอบตัวเด็ก  เด็กควรจะได้รู้จักสิ่งของเครื่องใช้ ยานพาหนะและการสื่อสารต่าง ๆ ที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวันของเด็ก  ทั้งนี้เมื่อเด็กมีโอกาสเรียนรู้แล้วเด็กควรเกิดแนวคิด ดังนี้
  • สิ่งต่างๆรอบตัวฉันส่วนใหญ่มีสี ยกเว้นกระจกใส พลาสติกใส น้ำบริสุทธิ์  อากาศบริสุทธิ์  ฉันเห็นสีต่างๆด้วยตา  แสงสว่างช่วยให้ฉันมองเห็นสี  สีมีอยู่ทุกหนทุกแห่งที่ฉันสามารถเห็น ตามดอกไม้ เสื้อผ้า อาหาร รถยนต์ และอื่น ๆ สีที่ฉันเห็นมีชื่อเรียกต่างๆกัน เช่น แดง เหลือง น้ำเงิน ฯลฯ  สีแต่ละสีทำให้เกิดความรู้สึกต่างกัน สีบางสีสามารถใช้เป็นสัญญาณ หรือสัญลักษณ์สื่อสารกันได้
  • สิ่งต่าง ๆ รอบตัวฉันมีชื่อ ลักษณะต่าง ๆ กัน สามารถแบ่งตามประเภท ชนิด ขนาด สี รูปร่าง พื้นผิว วัสดุ รูปเรขาคณิต ฯลฯ
  • การนับสิ่งต่าง ๆ ทำให้ฉันรู้จำนวนสิ่งของ และจำนวนนับนั้นเพิ่มหรือลดได้  ฉันเปรียบเทียบสิ่งของต่าง ๆ ตามขนาด จำนวน น้ำหนัก และจัดเรียงลำดับสิ่งของต่าง ๆ ตามขนาด ตำแหน่ง ลักษณะที่ตั้งได้
  • คนเราใช้ตัวเลขในชีวิตประจำวัน เช่น เงิน โทรศัพท์ บ้านเลขที่ ฯลฯ  ฉันรวบรวมข้อมูลง่าย ๆ นำมาถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจได้โดยนำเสนอด้วยรูปภาพ แผนภูมิ  แผนผัง  แผนที่  ฯลฯ
  • สิ่งที่ช่วยฉันในการชั่ง ตวง วัด มีหลายอย่าง เช่น เครื่องชั่ง ไม้บรรทัด สายวัด ถ้วยตวง ช้อนตวง เชือก วัสดุ สิ่งของอื่น ๆ บางอย่างฉันอาจใช้การคาดคะเนหรือกะประมาณ
  • เครื่องมือเครื่องใช้มีหลายชนิดและหลายประเภท เช่น เครื่องใช้ในการทำสวน การก่อสร้าง เครื่องใช้ภายในบ้าน ฯลฯ คนเราใช้เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงาน  แต่ขณะเดียวกันต้องระมัดระวังในเวลาใช้เพราะอาจเกิดอันตรายและเกิดความเสียหายได้ถ้าใช้ผิดวิธีหรือใช้ผิดประเภท  เมื่อใช้แล้วควรทำความสะอาด และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
  • ฉันเดินทางจากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่งได้ด้วยการเดินหรือใช้ยานพาหนะ พาหนะบางอย่างที่ฉันเห็นเคลื่อนที่ได้โดยการใช้เครื่องยนต์ ลม ไฟฟ้า หรือคนเป็นผู้ทำให้เคลื่อนที่ คนเราเดินทางหรือขนส่งได้ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ พาหนะที่ใช้เดินทาง เช่น รถยนต์ รถเมล์ รถไฟ เครื่องบิน เรือ ฯลฯ  ผู้ขับขี่จะต้องได้รับใบอนุญาตขับขี่และทำตามกฏจราจรเพื่อความปลอดภัยของทุกคน และฉันต้องเดินบนทางเท้า ข้ามถนนตรงทางม้าลาย สะพานลอย หรือตรงที่มีสัญญาณไฟ เพื่อความปลอดภัยและต้องระมัดระวังเวลาข้าม
  • ฉันติดต่อสื่อสารกับบุคคลต่างๆได้หลายวิธี เช่น โดยการไปมาหาสู่  โทรศัพท์ โทรเลข จดหมาย จดหมายอิเลคทรอนิคส์ ฯลฯ  และฉันทราบข่าวความเคลื่อนไหวต่างๆ รอบตัวด้วยการสนทนา ฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ และอ่านหนังสือ หนังสือเป็นสื่อในการถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความรู้สึกไปยังผู้อ่าน ถ้าฉันชอบอ่านหนังสือ ฉันก็จะมีความรู้ ความคิดมากขึ้น ฉันใช้ภาษาทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน เพื่อการสื่อความหมายในชีวิตประจำวัน

😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊



เมื่อศึกษาหลักสูตรแล้ว จากนั้นจึงเริ่มเลือกหน่วย กลุ่มของพวกเราทำเรื่อง หน่วยไข่




ของเพื่อนกลุ่มอื่น




จากนั้นมาเขียนแผนผังการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ 1 สัปดาห์ กลุ่มของเรา



กลุ่มของเพื่อนๆ





ากนั้นอาจารย์ก็ให้คำแนะนำในการทำ พร้อมทั้งให้ทำแผนผังบูรณาการ










กิจกรรมสุดท้ายคือการนำเสนอแผนผังบูรณาการของแต่ละกลุ่ม





รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

คำศัพท์น่ารู้

1.diagram  แผนผัง
2.nature  ธรรมชาติ
3.story  เรื่องราว
4.The unit หน่วยการเรียนรู้
5.experience ประสบการณ์


ประเมินตนเอง ⟶ วันนี้ไปเรียนแต่เช้า ตั้งใจเรียน ช่วยเพื่อนทำงาน
ประเมินเพื่อน ⟶ วันนี้มีเพื่อนบางคนก็ยังมาสาย ทำให้กิจกรรมเกิดความล่าช้า
ประเมินอาจารย์ ⟶ วันนี้อาจารย์เตรียมตัวมาสอนแต่เช้า อุปกรณ์การเรียนการสอนก็พร้อม